วานนี้ (4 ก.ย.) พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีที่นักท่องเที่ยวชาวจีน นายซง ไอ ถูกรูดทรัพย์ไปมูลค่าประมาณ 3.6 ล้านบาท หลังขึ้นแท็กซี่คันหนึ่งมาด้วยอาการมึนเมาเพราะไปสังสรรค์กับเพื่อร่วมงาน และเรียกแท็กซี่จากบริเวณหน้า RCA เพื่อมุ่งหน้ากลับคอนโดในซ.เอกมัย 30 โดยหลังเกิดเหตุนายซง ไม่สามารถจำป้ายทะเบียนรถแท็กซี่คันนี้ได้
ระหว่างที่โดยสารอยู่บนแท็กซี่นายซง ได้เผลอหลับไป
และมารู้สึกตัวอีกครั้งบริเวณข้างถนนหน้าซีคอนโด กลางซอยเอกมัย 12 ในช่วงประมาณ 07.00 น.ของวันเดียวกัน ส่วนทรัพย์สินที่ถูกขโมยไปนั้น รวมมูลค่าอยู่ที่ 3,621,000 บาท ประกอบด้วย นาฬิกา Patek Philippe 1 เรือน, โทรศัพท์มือถือไอโฟน 1 เครื่อง, โทรศัพท์มือถอืหัวเหว่ย 1 เครื่อง, แหวนแต่งงานคาเทียร์สีโรสต์โกลด์ 1 วง, แหวนเพชร 1 วง และ เงินสด 30,000 บาท นายซงจึงเดินทางไปแจ้งความที่สน.คลองตัน
พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำผู้เสียหายแล้ว ขณะที่ฝ่ายสืบสวนก็ได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดในทุกๆ จุดที่เกี่ยวข้องรอบๆ ที่เกิดเหตุ และสืบสวนหาข่าวกลุ่มแก๊งที่มีประวัติการกระทำผิดลักษณะใกล้เคียง พ.ต.อ.กฤษณะ ระบุว่า พบเจอเหตุลักษณะนี้บ่อยครั้ง จึงขอความร่วมมือผู้ขับรถยนต์โดยสารแท็กซี่ ให้เป็นเจ้าบ้านที่ดี ส่วนประชาชนและนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวสถานที่ที่มีการกินดื่ม หรือมาติดต่อธุรกิจในประเทศไทย ให้ระมัดระวังในการเดินทาง เพราะอาจพบผู้ไม่ประสงค์ดีเช่นกรณีนี้
หากผู้ใดพบเหตุหรือพฤติกรรมของบุคคลที่ไม่น่าไว้วางใจ สามารถติดต่อแจ้งข้อมูลเบาะแสได้ที่สถานีตำรวจใกล้เคียง หรือ โทร.191 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง พ.ต.อ.ปัณณพัฒน์ เดชโชติพิสิฐ ผกก.สภ.ประตูน้ำฬาลงกรณ์ เผยว่า หลังสืบพบผู้ก่อเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานให้ชัดเจนก่อนจะออกหมายจับซึ่งอาจต้องขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานก่อน ส่วนแรงจูงใจในการก่อเหตุครั้งนี้ ตำรวจคาดว่าอาจเป็นการฆ่าชิงทรัพย์ และอาจะเป็นประเด็นเรื่องส่วนตัว เนื่องจากผู้ตายรู้จักคนผ่านทางเฟซบุ๊กจำนวนมาก ด้านประเด็นอื่นๆ ตำรวจก็ยังพิจารณาอยู่ ไม่ได้ตัดทิ้งไป เพียงแต่ประเด็นอื่นๆ นั้นยังมีน้ำหนักน้อย
ขณะที่พบศพของน.ส.เพ็ญพิมลในแมนชั่นนั้น เจ้าหน้าที่คาดว่าน.ส.เพ็ญพิมลเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 2 วัน โดยหลังจากการติดต่อกับเพื่อนครั้งสุดท้ายในวันที่ 3 ก.ย. เพื่อนได้ส่งสติ๊กเกอร์ไลน์ไปในตอนเช้าวันต่อมา แต่ผู้ตายไม่อ่านและไม่ตอบ
จับสึกแล้ว เจ้าอาวาสข่มขืนเด็กจนท้อง รวบตัวที่สำนักสงฆ์ในโคราช
จากกรณีอดีตเจ้าอาวาสวัดในจ.บุรีรัมย์ พระครูสง่า มอมยาข่มขืนเด็กตั้งแต่อยู่ชั้นม.2 จนถึง อายุ 18 ปี จนเด็กท้องได้ 5 เดือน แล้วหลบหนีหายไปหลังจากเจรจาขอจ่ายค่าเสียหาย 150,000 บาทให้แม่เด็ก ล่าสุดวานนี้ (4 ก.ย.) ตำรวจสามารถตามจับกุมพระรูปดังกล่าวได้ที่สำนักสงฆ์แห่งหนึ่งในอ.ประทาย จ.นครราชสีมา
โดยการจับกุมครั้งนี้ พ.ต.อ.สมชัย โสภณปัญญาภรณ์ ผกก.หนองสองห้อง จ.บุรีรัมย์ ได้ให้ข้อมูลจากการสืบสวนแก่กองปราบปราม จนกระทั่งทราบว่า พระครูสง่าหนีไปกบดานที่สำนักสงฆ์ดังกล่าว และปฏิบัติกิจของสงฆ์ตามปกติ ส่วนเจ้าอาวาสสำนักสงฆ์ปฏิเสธไม่รู้ว่าพระรูปดังกล่าวไปก่อเหตุอะไรมา
อย่างไรก็ตาม หลังติดตามจับกุมตัวมาได้ เจ้าหน้าที่ได้นำตัวพระครูสง่าไปหาพระครูประทีป ธรรมนุจิตโต เจ้าอาวาสวัดกะโดน จ.นครราชสีมา เพื่อเปล่งวาจาสึกต่อหน้าแล้วเปลี่ยนเครื่องแต่งกาย แต่ไม่ได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาใดๆ เพราะผ่านกระบวนการของพนักงานสอบสวนแล้ว
วันนี้ (3 ก.ย.) มีความคืบหน้ากรณีที่พระอาจารย์สง่า เจ้าอาวาสวัดประดู่ ต.เมืองฝาง จ.บุรีรัมย์ มอมยาข่มขืนเด็กหญิงอายุ 13 ปี ซึ่งเป็นนักเรียนชั้นม.2 ของโรงเรียนแห่งหนึ่งในตำบลเดียวกัน โดยข่มขืนมาตั้งแต่ปี 2558 เรื่อยมาเป็นเวลา 5 ปีจนเด็กอายุ 18 ปี แต่เรื่องแดงเมื่อเด็กตั้งท้องได้ 5 เดือน
แม่เด็กได้เข้าแจ้งความเรื่องดังกล่าว โดยฝ่ายพระอาจารย์สง่าได้ขอจ่ายค่าเสียหายเป็นจำนวน 150,000 บาท และเก็บข้าวของจากวัดไปจำวัดที่อื่นแทน ทำให้ชาวพุทธหลายคนเกิดความเคลือบแคลงใจที่พระรูปดังกล่าวไม่โดนบทลงโทษ
ในเรื่องนี้ พ.ต.ท.สำราญ แสงรัมย์ รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.สองห้อง อ.เมือง ระบุว่าตอนที่แม่เด็กมาแจ้งความกับตำรวจนั้น เด็กมีอายุเกินกว่า 18 แล้ว อีกทั้งแม่ยังเล่าเรื่องไม่หมดโดยเฉพาะเรื่องของการมอมยา โดยหลังมีการเจรจากัน พระอาจารย์สง่าก็ขอจ่ายเงินเยียวยา 150,000 บาทแลละแม่เด็กก็ยอมถอนแจ้งความ
ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่ตกลงกันระหว่างพระครูสง่ากับผู้เสียหาย ทางตำรวจได้ลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน ส่วนในทางคดีอาญานั้น ไม่สามารถดำเนินการได้แล้ว เพราะแม่และเด็กยอมถอนแจ้งความ และเด็กอายุเกิน 18 ปี ทำให้สามารถถอนคำร้องทุกข์ได้ ส่วนกรณีที่ว่าพระรูปนี้จะสึกหรือไม่นั้น ต้องขึ้นอยู่กับคณะสงฆ์
ด้านแม่เด็กเผยว่า ตนไม่มีทางเลือก เพราะลูกสาวอายุเกินกว่า 18 ปีแล้วจึงไม่สามารถเอาผิดคดีพรากผู้เยาว์ได้ และได้รับค่าเสียหายที่พระอาจารย์สง่ายื่นให้ต่อหน้าตำรวจ แต่ตนก็ยังคลางแคลงใจว่าพระรูปนี้สามรถขนข้าวของไปจำวัดที่อื่นที่อ.นางรองได้ ซึ่งตนห็นว่าไม่ถูกต้อง น่าจะถูกจับสึก เพราะถือเป็นมารศาสนา
แนะนำ : เคล็ดลับต่างๆ | เว็บรวมวิธีต่างๆ How to | จัดอันดับซีรีย์ | รีวิวครีม